Thursday 24 April 2014

ผจญภัย ดินแดนสยาม เพื่อทำหนังสือเดินทาง เผ่นออกจากสยาม

ผจญภัย ดินแดนสยาม เพื่อทำหนังสือเดินทาง เผ่นออกจากสยาม


                        รับหน้าที่มาเขียนรีวิวแทนเฮียค่ะ เนื่องจากตอนนี้เฮียแกได้รับพาสปอร์ตไปแล้ว ก็ลั้นลาตีตั๋วกลับสิงคโปร์แบบเรียบร้อยโรงเรียนเฮีย ที่สำคัญเพียง 4 วันเท่านั้นพาสปอร์ตก็มาอยู่ในมือ แต่จะต้องทำยังไง พบกับเหตุการณ์แบบไหน ตามอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ

จากตรงนี้ไปเป็นสำนวนของเฮียนะคะ

                         จากสภาพเหตุการณ์บ้านเมืองอันครื้นเครง -_-"  Passport ผมหมด 11 Oct 2014 ซึ่งจะใช้บินไปไหนไม่ได้แระ แถมกลับไปทำงานที่สิงคโปร์ก็ไม่ได้อีก ครั้นจะไปทำที่สถานทูตไทยประจำประเทศสิงคโปร์ เองก็ไม่มีใครรับรองได้ว่า จะได้เล่มใหม่วันไหน ? เพราะจากผู้ที่ๆ ทำก่อนหน้านี้ บางคน 2 สัปดาห์ บางคนรอมา 2 เดือนยังไม่ได้ ปวดใจยิ่งนัก

เอาว๊ะ ! ต่อคิว ....    โหดสัrrrd จริง ๆ
                 
21 Apr 2014 

                           จองตั๋วกลับบ้านโลด ศึกษาจาก Pantip นี่แหละ จากผู้ที่ไปทำมาก่อน ผมเลือกที่จะไป สาขา บางนา เนื่องจากไม่มีการจองคิว Online แถมใช้การต่อคิว ทุกคนเท่าเทียม จากข้อมูลของ ทาง กงสุล ศูนย์บางนาสมารถทำ Passport ได้วันละ 1800 ฉบับ  ซึงวันที่ไป มีป้ายติดประกาศไว้ว่า ทำได้แค่ 1300 ฉบับ

                            สำหรับ ผู้ที่มีเวลาวางแผนในการจอง Online สามารถทำได้ที่สาขาเดียวคือ Esplanade [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

23 Apr 2014 (Night) 

                          บินกลับไทย หา รร. นอนแถว ๆ เส้นบางนา และนอนพักเอาแรง

24 Apr 2014 , เริ่มการผจญภัย!
03.40 AM      เดินทางมาถึง ด้านข้างของห้าง Central Bang Na ติดกับ Big-C Bang Na ตามคำบอกของพี่Taxi คนที่มาส่ง "น้อง ๆ ตรงนี้แหละ
                      พี่เห็นมาต่อคิวยาวทุกคืน" เอาหละวะ ง่วงก็ง่วง หิวก็หิว จะกินเดี๋ยวก็จะปวดอึซะเปล่า ๆ
                      เดินออกมา ก็เห็นแม่ลูกคู่นึง เดินเข้าไปหา รปภ. แล้วก็เดินเข้าไปในช่องจอดรถที่ 2 ชั้น B1 เดินเข้าไปยังไม่ทันถึงตัว พี่ รปภ.  พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า "คุณครับ  ตามไปเลย Passport" เดินปรี่เข้าไปตามคำบอกดังกล่าว ....

                      บรรยากาศ ลานจอดรถชั้น B1 นึกในใจ ยิ้ม ร้อน อิ๊บอ๋าย !


บรรยากาศ การรอ คิว ใต้ตึก Central Bang Na ลานจอดรถชั้น B1 มีเก้าอี้ราว 100 ตัว ที่ทางเจ้าหน้าที่ห้างมาว่างไว้ในให้บริการ 


 มีเจ้าหน้าที่เอาพัดลมตัวใหญ่ มาเปิดให้ 2 ตัว ช่วยลดความร้อนได้พอควร 

 4.29 AM.         นั่งหลับกันคอพับคออ่อน ...


4.37 AM          คนก็ยังทะยอยเข้ามาเรื่อย ๆ เก้าอี้จำนวน 100 ตัวที่ทางห้างจัดไว้ให้ เต็ม


 5.19 AM.         ผู้ที่มาต่อเข้าคิวโดยการยืนเข้าคิว กะประมาณด้วยสายตา น่าจะประมาณ 50++ คน


5.40 AM          เจ้าหน้าที่เรียกผู้เข้าคิวมารวมเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 10 คนเดินเป็นแถว เพื่อเดินขึ้นไป ชั้น5 โดยลิฟท์ด้านข้าง ในระหว่างนี้มีคนลักไก่โดยเดินมาก็เข้ามาแทรกที่แถว ในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ประกาศให้ผู้ที่มาใหม่ มาต่อคิว และให้เห็นใจผู้ที่มาก่อนหน้า ตาลุงหน้าผมนี่ก็ไม่ฟัง เดินไม่สนใจใคร


ตาลุงที่เดินมาแทรกหน้าผมยังไม่พอ พอจะขึ้น ลิฟท์ก็แซงคนอื่นอีก เจ้าหน้าที่ยังส่ายหน้า

6.00 AM          เจ้าหน้าที่กด ลิฟท์ให้ขึ้นมาที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นสำนักงาน จัดระเบียบ โดยการมีเก้าอี้และเลขของ เก้าอี้ชัดเจน ตอนนี้ค่อยดีหน่อย ระบบปรับอากาศของทางห้าง เริ่มทำงาน มีแอร์ออกมาเบาๆ  ช่วยลดความร้อนได้ ดีทีเดียว



                      เจ้าหน้าที่ทำการประกาศ ว่าเวลา 6.30 จะมีการแจกคิวชั่วคราวของทางห้างให้ ก่อน หลังจากนั้นให้รอเรียกตามลำดับ 
                      จำนวนความสามารถของการทำ passport ใน 1 วัน จะสามารถ รับได้ 1300 คนต่อวัน ซึ่งต่ำกว่า ที่ได้รับข่าวมาคือ 1800 คนต่อวัน โดย 1 ชม จะอยู่ที่ 120-150 คิว  



   สำหรับ เอกสารของผู้ที่มาทำ passport ใช้เพียง บัตรประชาชนตัวจริงที่ชัดเจน ไม่หมดอายุ และ passport ฉบับปัจจุบัน ที่จะต้องถูก ยกเลิก ในวันที่ทำ สำหรับ เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นยินยอมด้วย 

6.30 AM          เจ้าหน้าที่ทำการแจก บัตรคิวชั่วคราว ได้คิว 33 หลังจากรับบัตรคิวคราวนี้ก็หลั่นล้าหาข้าว หาปลากินได้ หลังจากนั้นมีผู้ที่ต้องถูกคัดออกเนื่องจากเอกสารไม่พร้อมคิวจึงร่นมาที่ 27 ส่วนใหญ่คนที่เอกสารไม่พร้อมมักจะเป็นเด็ก  และบัตรประชาชนไม่ชัด


8.00 AM          เจ้าหน้าที่เริ่มเรียก คิวที่ 1


                       หลังจากได้ แบบฟอร์มมา ยังไม่ต้องกรอกนะครับ เพราะ เจ้าหน้าที่เรียกเร็วมาก ให้เข้าทำการวัดส่วนสูง แล้วรอเรียกเลย โดยดูจาก Monitor  ที่จะขึ้นคิวของเราและ โต๊ะที่เราจะเข้าไปถ่ายรูป จากนั้นเราจะมีเวลาเขียนแบบฟอร์ม 

8.21 AM          1000 บาทสำหรับค่าธรรมเนียม 40 บาท ค่าจัดส่ง EMS เอกสารจะส่งกลับ EMS เท่านั้น  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้เลข Tracking 13 หลัก  ของและสามารถตรวจสอบ online ได้ทาง website http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx   ซึ่งผมได้จ่าหน้าซองไปที่ ไปรษณีย์หลักสี่และไปรับที่นั่น

                          จบภารกิจการทำพาสปอร์ตไปต่อที่การรับพาสปอร์ตได้เลย  ก่อนที่เราจะไปรับพาสปอร์ตที่หลักสี่ เราก็ลองเช็คที่เว็บไซต์ตามลิงค์ด้านบนดูก่อนว่า สถานะของพัสดุมันไปถึงไหนแล้ว
พบว่า..........

                           ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก พอลองเช็คกับทางไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า สถานะบนเว็บไซต์มักจะช้ากว่าความเป็นจริง 1 วัน จึงตัดสินใจไปรอดักที่ไปรษณีย์หลักสี่ในวันทำการที่ 4 เมื่อไปถึงไปรษณีย์หลักสี่ เจ้าหน้าที่ที่นั่นเป็นมิตรให้ความช่วยเหลือดีมาก เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปที่ช่องรับพัสดุ EMS และกรอกแบบฟอร์มขอรับพาสปอร์ตกลางทาง หลังบ่ายสามพาสปอร์ตก็ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเราแล้ว!









 หมวยเล็ก 
 24 เมษายน 2557
                                     











Wednesday 19 February 2014

"ภาษา ที่มีความชอบธรรมในตัวเอง"

"ภาษา ที่มีความชอบธรรมในตัวเอง"

          นับวันๆ ชักเริ่มจะไม่ค่อยดี ความรัก ในคำว่าชาติสำหรับผมอะนะ บอกได้เลย 0% เพราะชาติคือนาม จับต้องไม่ได้ เป็นแค่ความรู้สึก เชิงสัญลักษณ์ที่คนสมัยโบราณสร้างขึ้น  จริง ๆ มันก็คือ รักกันนั่นแหละ .. เพียงแค่บางครั้ง  ก็กูไม่รักมึงอะ เลยจึงกำหนดคำใหม่มาสั่งสอนก็คือ รักชาติแล้วกันนะ
จะว่าเป็นหนึ่งใน "กุสโลบาย" กระมัง

               คำถามที่เกิดขึ้นในหัว ที่ใคร ๆ ก็รู้คำตอบคือ  "ตรูคือกลุ่ม ไหน ?"   แต่คำตอบ  ของคำถามที่เราไม่ค่อยจะยอมรับกัน คือ กรูนี่แหละผิด เพราะเรา ๆ ก็คิดว่า เออ นี่เราทำถูกเสมอ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายตรงข้ามก็บอก กูก็ถูกเหมือนกัน

มาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครอ่านต่อแล้วหละ 6(^_-")

               ผมไม่ขอพูดถึง ว่า เรื่องนี้ใครถูกหรือ ผิด หรือ อื่น ๆ เพราะมันต้องทำความเข้าใจถึงข้อกฏหมาย การเลือกปฏิบัติ  และสิ่งลี้ลับใต้ดิน แต่จะพูดถึง ความคิดของคนที่มาปลุก  และการจูงใจคนให้เข้ามาร่วมรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่ยึ่งใหญ่และถูกต้อง 

โดยใช้  "ภาษา ที่มีความชอบธรรมในตัวเอง"

               หลักการนี้ไม่ได้ เพิ่มเกิดขึ้นบนโลก หรือ เพิ่งจะเกิดในไทย แต่มันมีมานานแล้ว วัฒนธรรมตรงนี้ผมไม่รู้หรอกนะ ว่ามันมาจากไหน แต่คงไม่ไกลไปกว่าการล่า อานานิคม ในสมัยก่อน

ตัวอย่า  งที่เห็นได้ง่ายๆ เช่น นาย A ฆ่านาย B
นาย A ยังไงก็ผิดกฏของธรรมชาติคือ การเบียดเบียน และริดรอนชีวิตของอีกฝ่าย

แต่ถ้าบอก นาย B เป็นโจร ข่มขืน และ ฆ่ามาแล้วนับ ร้อยศพ ปล่อยไว้คนในหมู่บ้านอันตราย หลายคนมากกว่ากึ่งบอก ให้ประหาร B นาย B ทำผิดกฏ(หมู่)หมายบ้านเมือง

               ต่อมา หลังจากการล่าอานานิคมโดนใช้กำลังอำนาจเข้าไปยึด มันเชยไป ระบบ ระเบียบอะไรมันเปลี่ยนไป แต่ในใจของคนที่คุณรู้ว่าใคร ก็ยัง อยาก! ที่จะมี
แล้วคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีคนเดียวหรือ กลุ่มเดียว การหา การชอบธรรมอย่างนึ่งที่นิยมใช้กันเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่กลุ่ม ๆ นั้นทำถูกต้อง  ให้คนเข้ามาร่วมให้รู้สึกว่า กลุ่มตนนั้น ถูกต้อง คือ "ใช้ความชอบธรรมของภาษา ที่มีความชอบธรรมในตัวเอง"

เช่น
กองทัพของพระเจ้า  .... แหม่ใคร ๆ ก็รู้พระเจ้ายังไงก็ดี เหมือนจะเป็นคนสามัญว่า ดี สัญลักษณ์ คือไม้กางเขน

เสื้อแดง - แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
ประชาธิปไตร.........
ต่อต้านเผด็จการ .........
แถมแห่งชาติ ....โอ่วแม่เจ้านี่เอาตรูรวมเข้าไปด้วย เกียวอะไรฟ๊ะ
การอ้างความชอบธรรมของกลุ่มที่เรียกง่าย ๆว่าเสื้อแดงในการทำอะไรก็แล้วแต่ ก็มักจะยืนอยู่อยู่บนคำว่า  ประชาธิปไตร น่าจะเป็นสโลแกนเลย เช่น  ครับ เราจะไปยึดศาลากลางจังหวัด เพื่อประชาธิปไตร ..... งง ม๊ะหละ


กปปส. คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ยาวจัง) แหม่ อันนี้เยอะเลย
เอาคำว่าประเทศไทย นี่ก็รวมตรูอีก ...ไม่ถามตรูซ๊าาากคำ
แถมเอาพระมหากษัตริย์ มาอีกหนิ

              สิ่เหล่านี้ทำให้การเคลื่อนไหว หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มทีว่ามา เหมือนจะชอบธรรมด้วยความหมายด้วยความรู้สึก  การเสนอข่าวด้านเดียวของกลุ่มต่าง ๆ ทำให้ ติ่งของกลุ่มนั่น ๆ ไม่มาเผชิญหน้าทางข้อมูลกันว่า อะไรตรง ไม่ตรง  อะไรที่ทำให้ตัวเองได้เปรียบก็เสนอให้เร็ว และย้ำๆ แต่อะไรที่เหมือนว่า ตัวเองจะผิดก็บิดเบือน เพราะใครจะมาตามสน ตามเช็ค เราเห็นแล้วก็ลืม
แต่ความรู้สึกเกลียดมันค้างนาน


//--  จบ เท่านี้แหละ ติดตามตอนต่อไป ตามความว่าง ในการออกมาไร้สาระ --//









Saturday 12 October 2013

Capsule Hotel Ueno Japan

Capsule Hotel, Ueno Japan

          ไม่ได้เขียน review ซะตั้งนาน วุ่ยวายกับเรื่องงาน และ review นี้ก็เป็นผลพลอยได้ จากการทำงาน มี Project ที่ต้องไปทำต่อที่ ญี่ปุ่น แถว ๆ Fujisawa 

          หลังจากที่ทำอยู่ที่สิงคโปร์ 3 เดือน ก็มาต่อที่นี่อีก ตาม Plan ที่วางไว้ก็อีก 3 เดือน เดือนแรกกำลังจะหมดไป ก่อนกลับมีเวลาว่าง 2 วัน  "อ๊ะ!"  ลองซะเลย คันมานานแระ รีบเข้า Agoda ทันที .....  โอ้ว ...จาก ที่เคยเห็น รร. Capsule ยาวเหยียด ก็เหลืออยู่ .... 3 -_-" "โถ...แม่งชีวิตไอ้เรือง ." ลองไล่ดูอย่างใจเย็น ๆ เอาอันไหนดี ที่มันใกล้ ๆ เมืองหน่อย....  จะได้ไปโม้กับเขาได้ ....  สายตากวาดไปรอบ ๆ 

          ทันใดนั้น .... $SGD 17,XX(425B) ก็โผล่มา กด เลยแบบไม่เจตนา .... ฮ้า ๆ จากราคาปรติประมาณ $SGD30- 45(750-1125B) แล้วแต่ใกล้ ไกล สวยไม่สวย หรือ มี Wifi   สำหรับการพัก หญิงชายจะแยกโดยสิ้นเชิง นะครับ หรือบางที่บริการแต่ผู้ชาย ฉนั้น review นี้ไม่มีรูปสาว ๆ เลย -_-"

จากการเดินทางจากที่พักผมพักที่ Fuijsawa, Shonandi วิธีคือ ..... ไปยังไงก็ได้อะครับ ให้ไปถึง Ueno Station แล้วเดิน (ดูมีสาระ สุดท้ายก็ กึ๋นครับ ...)



เดี๋ยวนี้ไปก็ง่ายมี Google map แต่อย่าคิดที่จะโทรถามเพราะคุยไม่รู้เรื่องจริง ๆ



ทำการตรวจสอบอีกที ด้วย Street view ครับเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ผิดซอย 
เอาหละ ลุย !


เอ๊า แสรด!!! ไหนบอกญี่ปุ่นไม่มีขีปนาวุธ ไง ... ไม่รู้เรื่องจริงเรื่องเล่น เผ่นให่ไกลดีกว่า ...


ท่าทางดูดี ....มีลุงเฝ้า เค้าเตอร์ 


 เหมือนที่คิดไว้ ... มีล๊อกเกอร์ แต่..เอ...เหมือนมีอะไรตะหงิด ๆ 


ไม่หรอม๊างงงง  คิดมาก '

-------------- คุยกะลุงจนปวดข้อมือ ------------

------------------
---------

6(-_-"  ผิดซอย !


อะ มาของจริงเลยละกัน ว่าวให้อับอายกันซะยาว ....

ผมเดินเข้ามา ก็มีป้ายบอกเลยว่าเต็มแล้ว สำหรับวันนี้ อันนี่เวลา 12.30  เที่ยงนะครับ 
ที่นี่ Check In 12.00  Check Out 11.00 ถ้าเป็น รร. ปกติ จะ Check In 15.00 Check Out 10.00  น่าจะเพราะเรื่องของการจัดการทำความสะอาด Capsule ทุกอย่างเป็นของใช้รวม ยกเว้น Capsule ที่นอน



          เอารองเท้าเก็บให้เรียบร้อยชั้นล่างหน้าทางเข้าเลย แล้วก็เก็บกุญแจไว้ 

หมายความว่าไงไม่รู้ แต่เหมือนว่า ไม่ต้อนรับ ยากูซ่า อะไรทำนองนี้ปะ ????



เค้าเตอร์ของทาง รร.

เบอร์  Capsule ก็จะตรงกับเบอร์กุญแจ แบบนี้


ทาง รร. จะให้กุญแจมาสำหรับ ล๊อกเกอร์เอาไว้เก็บของ ส่วนกระเป๋า ก็ฝากไว้ที่เคาร์เตอร์ หรือ ถ้าหากมีของมีค่าอะไรชั้นใหญ่ ๆ เขาก็จะมีผู้ฝากแบบหยอดเหรียญ




  สภาพภายใน ที่นอน 


TV 
 มี TV วิทยุ นาฬืกาปลุกสวิชไฟ ทั้งหมด ภาษาญี่ปุ่นครับ เดาเอา ^^

ม่านเป็นเสื่อ
 ห้องใกล้ Capsule  เคียง

 โชคดี ไม่มีคนกรน หรือ เรากรนดังกว่า คนอื่นก็ไม่รู้แฮะ !

 มีน้ำหอม น้ำยาโกนหนวด แปรงสีฟัน ที่เป่าผม ทุกอย่างครบ ให้มากกว่า รร. 3 ดาวบ้านเราอีก 
 เครื่องซักเครื่องอบผ้า มีด้านในเลย ไม่ต้องไปเดินหา

 ค่อนข้างสะอาด ทีเดียวทั้ง ๆ ที่คนใช้เยอะแยะ 


 หลังจากนั้นก็เขาไปอาบน้ำ 
ห้องอาบน่ำเป็นห้องรวม เลยครับ มีน้ำร้อน ซาวน่า บ่อน้ำร้อน แช่กันเปื่อยเลย 
ปล. แก้ผ้าหมด ฮ้่ ๆ 

 น้ำหนัก ก่อนขึ้นชก
 สรุป ข้อดี คือ มันถูก มาก ๆ สำหรับ Backpacker แต่การจองต้องจองล่วงหน้า พอสมควร อย่างที่พักที่นี่ไม่มี Wifi แต่เดินทางใกล้รถไฟฟ้ามาก ๆ ไม่เกิน 400m  มากันเยอะ ๆ น่าจะสนุกกว่า

ข้อเสีย คือ เรื่องความปลอดภัย เพราะส่วนใหญ่ ก็ Backpacker กันหมดของมีค่า ควรฝากไว้ที่ผู้ฝากจะดีที่สุด ส่วนที่พัก แยก สูบบุหรี่ กับ ไม่สูบ แต่กลิ่นบุหรี่ ของบางยี่ห้อ ที่ผมแพ้มันก็ แรงมาก ในส่วนที่เป็นส่วนรวม
ขอคุณที่เข้ามาอ่าน .... 

เรื่องราววันที่ October 12,2013 Capsule Hotel Ueno Japan

Chrysanthemum October 16, 2013


Saturday 21 September 2013

ตอนแรกว่าจะไปวัด แต่ดันไปศาลเจ้า ... ประเทศนี้มีศาลเจ้า มากกว่าวัด นับถือผีมากกว่าพระ ! ศาลเจ้า Meiji Shrine

ศาลเจ้า Meiji Shrine


          ตอนแรกว่าจะไปวัด แต่ดันไปสานเจ้า ...  "ประเทศนี้มีศาลเจ้า มากกว่าวัด นับถือผีมากกว่าพระ ! " อันนี้เพื่อนคนญี่ปุ่นพูดไว้ครับ ก็เห็นจะจริง นะ วัดไม่ค่อยได้เจอเลย เจอแต่ศาลเจ้า 
          มาว่ากันเรื่องของความเป็นมากันซักนิด ... ศาลเจ้า "เมจิ จิงจู"  ออกเสียงว่างั้นนะครับ สร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว สมัย ปี 1920 เป็นศาลเจ้าชินโต  เพื่อรำลึกถึงดวงวิญญาณพระจักรพรรดิเมจิที่สวรรคตเมื่อปี 1912 และจักรพรรดินีโชเคนที่สวรรคตเมื่อ 1914 มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 700,000 ตารางเมตร พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบ  เขามีต้นไม้ที่ต่างสายพันธุ์เป็นร้อยๆ ชนิด  และมีมากกว่าแสนต้น ต้นไม้เหล่านี้ถูกบริจาคมาจากทั่วทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่น  เพราะพระจักรพรรดิเมจิท่านเป็นศูนย์กลางความนับถือของประชาชน  อย่างล้นหลามจริงๆ  น่าชมเชยความร่วมมือร่วมใจของทุกๆ คนจริงๆ ที่ทำให้มีสถานที่ได้พักผ่อนเย็นสบายแบบนี้



          การเดินทางมาเที่ยว ผมจะแนะนำต่างจาก Blog อื่นๆ ที่ทุกคนมาเที่ยวกัน เพราะผมพักอยู่นอกเมืองมาทำงาน และจะเข้าเมืองเพื่อไปเดินเที่ยว  
          ผมเริ่มจาก สถานีรถไฟ Sangubashi Station จากนั้นเดินเข้าประตูหลังไปที่ศาลเจ้า เสร็จ เวลากลับ เราได้ออกทาง Harajuku เพื่อไปเที่ยวต่อ เหมือนเดินผ่าน จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา

เดินออกมา ให้จาก Sangubashi Station ถ้าเดินผิดทางมันจะเข้าไปเหมือน ตลาด ตามนี้ถือว่าผิด นะครับ ฮ้า ๆ อย่าเพลิน เดี๋ยวไกล 
          
 ประตูด้านหลังก็เล็กซักหน่อย ไม่มีคนมาทางนี้เลย  -_-" หรือเราจะคิดผิด

 เดินไป ต้นไม้เยอะครับ เส้นทางเป็นทางกรวด ไม่เหมาะกับคนที่มีเด็กแล้วเข็นรถมานะครับ 

 เจอมีคนคิดเหมือนเรา แระ ^^

 เป็นลุงกับป้า จูงมือกันมา 

 ถึงแล้ว ประตูด้านข้าง

 ก่อนจะเข้าไปถึงศาลหลักจะต้องเจอกับซุ้ม Temizuya ที่ให้ล้างมือก่อนเข้าศาลเจ้า ก้าวผ่านประตู



 มาเจองานแต่งพอดี 

ถ้าเป็นกระดาษ เขียนฟรี เขียนคำขอพร แล้วไปหย่อนใส่ตู้ 

 ส่วนไม้ก็ Y500 แล้วเอาไปแขวน


 อุ๊ปๆ 

 ขบวนงานแต่งก็เดืนกันไป ไม่มีกลองยาวเหมือนบ้านเรานะครับ ของเขาจะเงียบ ๆ และเงียบมาก ไม่มีวี๊ดว๊าย กระตู้วู้ .....

 ตรงนั้นจะเป็นทางประตู้หน้าจริง ๆ ของศาลเจ้า 

 ศาลเจ้า ทำจากไม้ทั้งหมด สวยดี เหมือนจะแบบไม่มีตะปูด้วยนะ 

 ร้านขายเครื่องรางของขลัง ก็ตามสะภาพแล้วกันครับ ราคาตามนั้นเขียนเป็นแนวตั้ง 


 อันนี้เป็นศาลเจ้า ถ่ายใกล้ไม่ได้นะครับ ผมโดนให้ลบออก -_-"

 เดินออกจากประตูทางเข้า 



 ประตูใหญ่ด้านทางเข้า 




สถานี Harajuku แล้วก็ไปแรดกันต่อ ^^Y


เวลาทำการ 
ศาลเจ้าเมจิ เปิดทุกวัน ถ้าเข้าไปไหว้อย่างเดียวไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น  เปิดเช้าถึงเย็น แนะนำหากไปครั้งแรกให้เดินตั้งแต่ต้นทางเข้าไปแล้วจะได้บรรยากาศมากกว่านั่งรถเข้าไปแน่นอน ^^
ถ้าต้องการชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ มีค่าธรรมเนียม 500 เยน เปิดเวลา 9.00 น. - 16.30 น. หยุดตามวันหยุดราชการจ้า


เรื่องราววันที่ September 21,2013Meiji Shrine

Chrysanthemum October 20, 2013